วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เรื่องของชื่อ ที่อยากเล่า

     มาเริ่มทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า ฉันชื่อว่า วิชชุญา สุเจตน์จิตต์   ชื่อและนามสกุลของฉันนั้น บางคนอาจจะไม่ได้เห็นหรือได้ยินชื่อที่เขียนแบบนี้ เพราะเท่าที่ผ่านมา น้อยคนนักที่จะอ่านชื่อและนามสกุลของฉันได้อย่างถูกต้อง บ้างก็อ่านชื่อว่า วิ-ชุ-ยา, วิ-ชุ-ดา, วิด-ชุ-ดา ,สุ-เจน-จิด, สุ-เจด-จิน ซึ่งชื่อที่อ่านผิดเหล่านี้ล้วนแต่เป็นชื่อของคนอื่นทั้งนั้น แต่ก็มีคนมักนำมาเรียกตัวฉัน 555 ฉันจึงคิดว่าควรที่จะแนะนำชื่อและนามสกุลของฉันอย่างเป็นทางการก่อนดีกว่า  ชื่อของฉัน   วิชชุญา อ่านว่า วิด-ชุ-ยาแปลว่า หญิงผู้มีความรู้   นามสกุล สุเจตน์จิตต์   อ่านว่า สุ-เจด-จิด  แปลว่า จิตและเจตนาที่ดี รวมแล้วทั้งชื่อและนามสกุลก็จะแปลว่า หญิงผู้มีความรู้ มีจิตและเจตนาที่ดี นั้นเอง ^^  ซึ่งต่อจากนี้ฉันคิดว่าน่าจะมีคนที่อ่านและเขียนชื่อของฉันได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วละ..            
                ฉันมีชื่อเล่นว่า ปุยฝ้าย  ในส่วนของชื่อเล่นของฉันก็อยากจะเล่าให้ฟังอีกว่า ตั้งแต่ฉันจำความได้ มีคนที่เรียกฉันว่า ปุยฝ้าย ก็คือ คุณพ่อคุณแม่ คนในครอบครัว เพื่อนสมัยอนุบาล เพื่อนสมัยประถม และก็เพื่อนในมหาวิทยาลัย คงเริ่มสงสัยแล้วสินะว่า มีช่วงหนึ่งที่ขาดไป นั้นก็คือ เพื่อนสมัยมัธยมต้น และเพื่อนสมัยมัธยมปลายเพราะมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากที่ชื่อปุยฝ้ายนี้ เป็นชื่อที่ โหลมาก  นั่นหมายถึง มีคนที่ชื่อปุยฝ้ายมากกว่า 1 คนนั้นเอง 555  ย้อนไปสมัยมัธยมต้น ฉันเข้าเรียนที่โรงเรียนศรียานุสรณ์ จังหวัดจันทบุรี อยู่ห้อง ม. 1/5  ซึ่งในห้องนี้มีคนชื่อ ปุยฝ้าย อยู่ถึง 3 คนด้วยกัน ( T..T)   คิดว่าน่าเศร้ามั้ยละ ที่เวลามีคนเรียก ปุยฝ้าย แล้วต้องหันมาถึง 3 คน ดังนั้น คำว่า ฉายา จึงได้ริเริ่มเกิดขึ้น ที่นี้ละคะ สนุกปากกันเลยทีเดียว ฉายาของฉันได้เกิดขึ้นมากมาย แต่ฉันขอไม่พูดถึงละกัน (อายคะ >,,<)  โดยฉายาที่เป็นอันว่าเรียกฉันติดปากมาตั้งแต่ ม. 1 จนถึง ม.3 ก็คือฉายาว่า ลูกหมอ ที่มาของชื่อนี้ ก็ตรงตัวคะ พ่อของฉันเป็นหมอ ฉันเป็นลูกคุณหมอ  ก็เลยถูกเรียกว่า ลูกหมอ โดยอาจารย์ที่ปรึกษาของฉันตอนม.1 เป็นผู้ริเริ่มเรียกนั้นเอง ดังนั้นชื่อ ปุยฝ้าย ของฉันจึงถูกระงับใช้ไปชั่วคราว  Y_Y  เป็นเวลา 3 ปี พอขึ้นชั้น ม.4 ฉันก็ได้สอบเค้าห้องเรียนสายวิทยาศาตร์- คณิตศาสตร์  ได้อยู่ห้อง 6/13 ซึ่งเป็นห้องเรียนวิทยาศาสตร์พิเศษของโรงเรียน ในห้องนี้มีสมาชิกในห้อง 39 คน ซึ่งก็มีคนชื่อ ปุยฝ้าย อยู่ด้วยกัน 2 คนด้วยกัน (อีกแล้วววว ) เวลาเอ่ยนามกัน ก็ 2 คนอีกนั้นแหละที่หันพร้อมกัน ดังนั้น ฉายา มันจึงได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นอีกครั้ง ฉายาที่ลงตัวที่ใช้เอ่ยนามของฉัน ก็คือ วิชชี่ ซึ่งที่มาของชื่อนี้ มาจากเพื่อนๆที่ร่วมกันตั้ง เพราะอยากไฮโซ มีชื่อแบบอินเตอร์ เลยนำชื่อจริงของแต่ละคนมาตัดและแต่งเติมด้วยเสียง อี่ เช่น ฉันชื่อ วิชชุญา ก็กลายเป็น วิชชี่ นั้นเองคะ ชื่อนี้ของฉันก็ติดอันดับยอดนิยมเรียกกันทั้งห้อง รวมไปถึงอาจารย์ที่สอนในโรงเรียนด้วย และก็อีกเช่นเคย ชื่อ ปุยฝ้าย จึงได้ถูกระงับใช้ไปอีก 3 ปีจนฉันจบชั้น ม. 6 นี่ถ้าที่บ้านฉันไม่เรียกฉันว่า ปุยฝ้าย ฉันคงลืมไปเลยว่าละตัวเองมีชื่อเล่นว่าอะไร 555  และเมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้เค้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เอกคณิตศาสตร์(กศ..) ครูคณิตศาสตร์นั้นเอง ตอนที่แนะนำตัวเพื่อนๆในเอก ฉันอยากจะบอกว่า ฉันแอบลุ้น(แบบสุดๆ)ว่า ชื่อของฉันจะถูกระงับใช้อีกมั้ย 555 และเหมือนสวรรค์เห็นใจ ไม่ส่งใครที่ชื่อ ปุยฝ้าย มาเป็นเพื่อนในเอกเดียวกันคะ ดังนั้นชื่อ ปุยฝ้าย จึงได้กลับมาเปิดตัวและใช้งานตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ นั้นเอง ^^





 าเล่าถึงความคุ้นเคย ของปุยฝ้าย



 ฉันเกิดในช่วงสายของวันพุธที่ 16 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2534  
 คุณพ่อทำอาชีพรับราชการ เป็นคุณหมอ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี  
 คุณแม่ทำอาชีพรับราชการ เป็นคุณพยาบาล ฉันเกิดและโตมาในจังหวัดจันทบุรี 
มีพี่น้อง 3 คน  ฉันเป็นลูกสาวคนโต ตามด้วยน้องสาวและน้องชาย
   อุปนิสัย เป็นคนร่าเริง คุยเก่ง ชอบเม้าท์ จริงจัง เครียดง่าย คิดมาก โกรธไม่ค่อยง่าย  แต่ถ้าโกรธแล้วโกรธจริง เป็นคนที่หัวเราะอร่อยมาก ที่ว่าอร่อยนี้ก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าเป็นยังไง   เพราะมีแค่เพื่อนบอกมา 555 รู้แต่ว่าจะหัวเราะออกมาแบบไม่อายเลย อยากหัวเราะก็เอาให้สุดๆ    ชอบทำให้คนอื่นยิ้ม หัวเราะ สนุกไปกับเราด้วย จึงมักมีเรื่องเล่ามาเล่าให้เพื่อนฟัง  และก็เป็นที่มาของคำว่า “ ขำ เพราะ ไม่ขำ ” นี่ละ 555  เป็นคนกินเก่งมาก (ดูจากหุ่นก็น่าจะรู้)  ชอบชวนเพื่อนไปหาของกิน สรรค์หาสถานที่และชวนเพื่อนๆและครอบครัวไปกิน สิ่งที่ชอบทำในเวลาว่างคือ ดูการ์ตูน อาจจะเป็นเพราะว่า ชอบดูมาตั้งแต่เด็กๆ เลยติดมา  จนเข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ยังดูการ์ตูนอยู่เลย  คุณแม่เคยพูดว่า จะเป็นคุณครูอยุ่แล้ว ยังดูการ์ตูนอยู่เลย เดี๋ยวตอนไปสอนนักเรียนก็อย่าชวนนักเรียนดูการ์ตูนละกัน 555    
แต่เดี๋ยวนี้พอมีกระแสซีรี่ย์เกาหลีเข้ามา ก็เริ่มตามกระแสบ้างละ พอได้ดูก็ติดงอมแงม อิอิ   จนโดนคุณพ่อบ่นบ้างในบางครั้ง  ชอบอ่านหนังสือเรียนบ้างเล่นบ้าง ปะปนกันไป   ชอบเขียนไดอารี่บันทึกเรื่องราวในแต่ละวันที่ทำไป เก็บความทรงจำที่ดี ไว้เป็นอักขระ    ชอบวาดรูประบายสีและแต่งรูปสวยๆ และที่ชอบทำมากอีกอย่างหนึ่งก็คือชอบทำอาหาร เวลาอยู่ที่บ้านจะถือว่าเป็นอาชีพหลักเลย เพราะคุณแม่จะไม่ค่อยมีเวลา อาหารในแต่ละมื้อโดยส่วนใหญ่ก็จะมาจากฝีมือปลายจวักของดิฉันนั้นเอง ถ้าถามว่าอร่อยมั้ย ฉันทำเองชิมเองก็ต้องขอบอกว่า สุดยอด 555   ก็ไม่รู้สิ   ถ้าอยากจะรู้ก็ต้องลองลิ้มรสด้วยตนเองละคะ ^^     



      ปัจจุบันนี้ฉันก็เป็นนิสิตชั้นปีที่ 3 เอกคณิตศาสตร์ หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต 5 ปี 
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มีเพื่อนๆในเอก  37 คน 
และก็มีเพื่อนที่สนิทมากๆ อยุ่ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งมีสมาชิกอยู่ 7 ตน 
 สงสัยมั้ยละว่าทำไมฉันถึงเรียกว่าแทนสมาชิกทั้ง 7 นี้ว่าตน
 ก็เพราะว่าเราทั้ง 7 เปรียบเสมือน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก (5555 ) ที่มารวมตัวกันในกลุ่มนี้ได้ ทั้งๆที่นิสัย ลักษณะ หน้าตา ผิวพรรณ บ้านเกิด ก็ต่างกัน  เอาเป็นว่าทั้ง 7 ต่างมีข้อที่แตกต่างกันมากมาย
 แต่สุดท้ายแล้วเราก็มารวมตัวกัน สนิทสนมกัน เคยไปเที่ยวด้วยกัน นอนด้วยกัน กินด้วยกัน
 หัวเราะด้วยกัน ร้องไห้ด้วยกัน และร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน  กลุ่มพวกเราชอบที่จะพูดคุยกันอยุ่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเเซวเล่น ด่ากัน พูดจิกกัดกัน ตะโกนคุยกัน เรียกชื่อกันด้วยเสียงประมาณว่าห่างกันประมาณ 3 กิโลเมตรก็ยังได้ยิน  และน้อยครั้งมากที่จะชมกัน  ฉันคิดว่าพวกเราคงไม่ค่อยชอบความเงียบละมั้ง เลยมักส่งเสียงโหวกแหวกโวยวาย เรียกร้องความสนใจอยู่เสมอ  555  กลุ่มของเราชอบออกหากิน(อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ)   ฉันหมายถึงออกไปกินข้าวในสถานที่ต่างๆ เช่น Shabushi , หมูกระทะ , ส้มตำ , KFC และอื่นๆอีกมากมาย
ในบางครั้งพวกเราก็เคยมีปากเสียงกัน เข้าใจผิดกัน รวมไปถึงทะเลาะกันเลย แต่ทุกครั้งพวกเรากลับมาคืนดีและคุยกันด้วยดีเสมอ ไม่ว่าจะเกิดปัญหากันกับเพื่อนสักกี่ครั้งฉันก็คิดว่า สิ่งต่างๆเหล่านั้นจะทำให้พวกเราเข้าใจกันและรู้จักนิสัยใจคอกันมากขึ้น  
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันเสมอ
และต่อจากนี้ไปฉันรักเธอไม่น้อยลง นะ  7 wonders of the world  ^____^

    





สุดท้ายก็ขอฝากเนื้อฝากตัว และหัวใจ ไว้กับ blog นี้ด้วยนะคะ

... ไม้เรียว กับ เข็มฉีดยา ....

              


.... แค่ ....
... มีเพียงชื่อ ก็สื่อให้รู้ได้.....









7 ความคิดเห็น: